วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2558

แมลงมีพิษกลุ่มที่มีการต่อและกัด

 2. แมลงกลุ่มที่มีเหล็กใน แมลงกลุ่มนี้ทำอันตรายคนโดยการต่อย หรือการกัด หรือทั้งต่อยและกัด ชนิดที่ก่อให้เกิดอันตรายกับประชาชน ประกอบด้วย




ภาพผึ้งเลี้ยง
 2.1 กลุ่มผึ้ง ซึ่งเป็นแมลงอยู่ในวงศ์ Apidae ได้แก่ผึ้งเลี้ยง (Apis mellifera), ผึ้งโพรง (Apis indica), ผึ้งมิ้ม (Apis florea) และผึ้งหลวง (Apis indica) เป็นต้น มีลักษณะโดยทั่วไปคือลำตัวมีสี เหลืองน้ำตาลขาหลังมีอวัยวะพิเศษสำหรับเก็บเกสรเรียกว่าตะกร้าเก็บเกสร มีปีก 2 คู่มีขนตาม ลำตัว ซึ่งมีลักษณะเป็นขนละเอียด ส่วนปลายท้องของผึ้งงานและผึ้งนางพญามีเหล็กในยื่นออกมา เห็นได้เด่นชัด


ส่วนประกอบของเหล็กในผึ้ง
เป็นสารประกอบโปรตีนที่ผึ้งงานปล่อยออกมาจากต่อมสร้างพิษ ผ่านออกมาทางท่อเหล็กใน เพื่อไว้ใช้ป้องกันรังเวลาที่ศัตรูบุกรุก พิษผึ้งมีลักษณะเป็นของเหลวใส มีรสขม มีกลิ่นของสารอโรมาติก คล้ายกลิ่นนมแมว มีฤทธิ์เป็นกรด และมีความถ่วงจำเพาะ 1.313 เป็นสารอินทรีย์เคมี ที่ออกฤทธิ์เร็วและรุนแรง ทำให้แมลงบางชนิดตาย พิษจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วองค์ประกอบทางเคมีของพิษผึ้งมีคุณค่าทางการแพทย์  เช่น ฮีสตามีน (Histamine) เซอโรโตนิน (Serotonin) โดพามิน (Dopamine) ฯลฯ และนอกจากนี้ยังมีกรดอะมิโน และเอนไซม์เป็นองค์ประกอบเล็กน้อย


อันตรายจากผึ้ง
 ผึ้งเป็นแมลงที่ทำร้ายคนด้วยการต่อยโดยใช้เหล็กในที่อยู่ปลายท้องโดยเมื่อต่อยแล้วผึ้ง จะทิ้งเหล็กในไว้ตรงบริเวณที่ถูกต่อยดังนั้นเราไม่ควรบีบหรือขยี้บริเวณที่ถูกต่อยเพราะจะทำให้หล็กในยิ่งฝังลึกลงไปในผิวหนังและน้ำพิษจะกระจายมากขึ้น ดังนั้นเราจึงควรค่อยๆดึงเหล็กใน ออกมา น้ำพิษของผึ้งมีหลายประเภท อาการเมื่อได้รับพิษแล้วจะเกิดได้  ตั้งแต่อาการเฉพาะที่ใน บริเวณที่ถูกต่อย ได้แก่ ปวด บวม แดงร้อน หรือเป็นผื่นแพ้จนถึงอาการที่พิษเข้าไปตามกระแส โลหิต ทำให้เกิดอาการทั่วร่างกายเช่นหลอดเลือดบวม หายใจขัดคลื่นไส้อาเจียน แน่นท้อง ท้องเดิน เป็นลม ช็อกและอาจเสียชีวิตได้ในผู้ที่มีอาการรุนแรง


แหล่งที่พบ
 ผึ้งสามารถพบได้ทั่วไป โดยจะพบทำรังอยู่ใกล้บริเวณต้นไม้ ที่ผึ้งสามารถไปหาอาหาร ได้และบางครั้งพบผึ้งมาหาอาหารบริเวณที่มี่ ขนม หรือของหวานได้เช่นกัน 

การป้องกัน 
หลีกเลี่ยงไม้ไปรบกวนรังผึ้ง หรือเข้าไปอยู่บริเวณที่มีรังผึ้งแต่ถ้าถูกผึ้งต่อยให้ค่อยๆดึง เหล็กในออกจากบาดแผลดังที่กล่าวมาแล้ว ส่วนการรักษาอาการพิษทำได้โดยใช้น้ำแข็งประคบ บริเวณที่ถูกต่อยถ้าปวดมากให้รับประทานยาระงับปวดและอาจรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อลด อาการอักเสบ และเพื่อป้องกนการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ในบางรายที่มีอาการรุนแรง  เช่น ช็อกให้รีบไปพบแพทย์ทันที อย่างไรก็ตามความรุนแรงของพิษจะขึ้น กับจำนวนแผลที่ถูกต่อย ปริมาณพิษที่ได้รับ อายุน้ำหนักตัวของผู้ถูกต่อยและประวัติการแพ้ของคนไข้เช่น พวกมีประวัติ เป็นโรคภูมิแพ้มักจะมีอาการรุนแรงกว่าคนอื่น


2.2 ตัวต่อ

เป็นแมลงอยู่ในวงศ์ Vespidae ชนิดที่มีความสำคัญได้แก่ ต่อหัวเสือ (Vespa affinis) มี ลักษณะโดยทั่วไปคือลำตัวมีความยาวตั้งแต่ 10-30 มม. ส่วนใหญ่มีสีเหลืองและดำ เมื่อเกาะอยู่กับที่ จะพับปีกไปตามความยาวของลำตัว


 อันตรายจากตัวต่อ
 ต่อเป็นแมลงที่ทำร้ายคนด้วยการต่อยโดยใช้เหล็กในที่อยู่ปลายท้องโดยต่อได้ดัดแปลง อวัยวะที่ใช้ ในการวางไข่ให้เป็นเหล็กใน การต่อยของต่อจะแตกต่างจากผึ้งคือต่อสามารถต่อยโดย การฝังเหล็กในเข้าในตัวศัตรูหรือเหยื่อได้หลายครั้ง ในขณะที่ผึ้งสามารถทำได้เพียงครั้งเดียว ส่วนอาการเมื่อได้รับพิษ ผู้ถูกต่อยจะมีอาการเช่นเดียวกับถูกผึ้งต่อยคือจะเกดอาการได้  ตั้งแต่อาการ เฉพาะที่ในบริเวณที่ถูกต่อยได้แก่ปวด บวม แดงร้อน เป็นผื่นแพ้หรือถ้ารุนแรงอาการปวดบวม อาจลามเป็นบริเวณกว้างได้ส่วนอาการอื่นๆที่เกิดขึ้นไดคืออาการที่พิษเข้าไปตามกระแสโลหิต ทำให้เกิดอาการทั่วร่างกายเช่นหลอดเลือดบวม หายใจขัด คลื่นไส้อาเจียน แน่นท้อง ท้องเดิน เป็นลม ไตวาย ปัสสาวะเป็นเลือด รวมทั้งมีฤทธิ์ต่อระบบหัวใจระบบประสาท ช็อกและอาจเสียชีวิตได้ใน ผู้ที่มีอาการรุนแรง

แหล่งที่พบ
 ต่อสามารถพบได้ทั่วไป โดยบางครั้งจะพบทำรังอยู่ใกล้บริเวณที่อยู่อาศยของคน  หรือมา สร้างรังอยู่ในบริเวณที่พักอาศัยของเราได้  

การป้องกัน 
ได้แก่การไม่รบกวนรังของตัวต่อ ส่วนในกรณีที่มีตัวต่อมาสร้างในบริเวณบ้าน ให้ทำการ ย้ายรังตั้งแต่ยังเป็นรังขนาดเล็ก ซึ่งภายในจะมีเพียงต่อนางพญาเท่านั้น ในกรณีที่จะย้ายรังที่เป็นรัง ใหญ่ควรให้ผู้มีความชำนาญเป็นผู้กระทำและหลีกเลี่ยงไม่  เข้าไปอยู่บริเวณที่มีรังต่อแต่ถ้าถูกตัวต่อ ต่อยจะสามารถรักษาอาการพิษทำได้โดยใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่ถูกต่อยถ้าปวดมากให้รับประทานยาระงับปวดและอาจรับประทานยาปฏิชีวนะเพื่อลดอาการอักเสบ และเพื่อป้องกันการ ติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ในบางรายที่มีอาการรุนแรง เช่น ช็อกให้รีบไปพบแพทย์  ทันที อย่างไร ก็ตามความรุนแรงของพิษจะขึ้นกับจำนวนแผลที่ถูกต่อย

 2.3 มด


เป็นแมลงที่อยู่ในวงศ์ Formicidae ที่พบทําอันตรายกับคนเสมอได้แก่ มดคันไฟ (Solenopsis geminata), มดแดง (Oecophylla smaragdina), และมดตะนอย (Tetraponera rufonigra) เป็นต้น มดจะมีลักษณะโดยทั่วไปแตกต่างจากแมลงชนิดอื่นเห็นได้เด่นชัดคือ หนวดจะมีลักษณะ หักงอเป็นข้อศอกและมีเอวคอดกิ่ว มีสีและขนาดแตกต่างกันไปขึ้นกับชนิดของมด อันตรายจากมด มด สามารถทำอันตรายคนโดยการกัด การต่อย หรือมดบางชนิดเช่นมดคันไฟสามารถทำ 
อันตรายคนได้ทั้งกัดและต่อยการต่อยของมดจะเช่นเดียวกับตัวต่อคือจะต่อยได้หลายครั้งติดต่อกัน น้ำพิษของมดเช่นมดคันไฟ จะประกอบด้วยสารที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเซลล์ทำให้เซลล์บริเวณที่ถูก ต่อยเกิดเป็นตุ่มหนอง และอาจเป็นแผลลามกว้างขึ้นเมื่อมีการติดเชื้อในบริเวณนั้น แต่ที่เป็นอันตราย คือในน้ำพิษจะมีสารที่เมื่อเข้าสูกระแสโลหิตจะทำให้เกิดอาการแพ้เช่นหลอดเลือดบวม หายใจขัด คลื่นไส้อาเจียน แน่นท้อง ท้องเดิน เป็นลม ช็อกและอาจเสียชีวิตได้ในผู้ที่มีอาการแพ้อย่างรุนแรง

แหล่งที่พบ 
มดสามารถพบได้ทั่วไป โดยบางครั้งจะพบทำรังอยู่ใกล้บริเวณที่อยู่อาศัยของคน  เช่นมดคัน ไฟจะทำรังอยู่ใต้ดินบริเวณดินทรายรอบๆบ้าน มดแดงจะทำรังอยู่ตามต้นไม้เช่นต้นมะม่วง ต้น ชมพู่   ส่วนมดตะนอยจะทำรังอยู่ตามต้นไม้ทีตายแล้ว มดที่เราพบเห็นอยู่ทั่วไปคือมดงานที่ออกจาก รังมาหาอาหารเพื่อนำกลับไปเลี้ยงมดตัวอ่อนๆภายในรัง

การป้องกัน
 ทำได้โดยหลีกเลี่ยงไม่ ไปรบกวนรังมด หรือหลีกเลี่ยงไม่เข้าไปในบริเวณที่มีมดอยู่เป็นจำนวนมากแต่ถ้าถูกมดกัดหรือต่อยให้รักษาอาการโดย ใช้น้ำแข็งประคบบริเวณที่ถูกกัดหรือต่อยนั้น และ พยายามรักษาความสะอาดโดยไม่ ไปแกะเกาถ้าปวดมากให้รับประทานยาระงับปวด ในบางรายที่มี  อาการรุนแรง เช่น ช็อกให้รีบไปพบแพทย์  ทันทีอย่างไรก็ตามความรุนแรงของพิษจะเหมือนกับผึ้ง และต่อคือจะขึ้นกับจำนวนแผลที่ถูกต่อย ปริมาณพิษที่ได้รับ อายุน้ำหนักตัวของผู้ถูกต่อยและ ประวัติการแพ้ของคนไข้เช่น พวกมีประวัติเป็นโรคภูมิแพ้มักจะมีอาการรุนแรงกว่าคนอื่น




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น