กลุ่มของแมลงพิษ แมลงพิษสามารถแบ่งกลุ่มได้ดังนี้
1. แมลงในกลุ่มของด้วงประกอบด้วย
ภาพด้วงน้ำมัน
1.1 ด้วงน้ำมัน
ด้วงน้ำมันเป็นแมลงปีกแข็งจำพวกด้วงชนิดหนึ่งที่ตั้งอยู่ในวงศ์
Meloidae มีชื่อเรียกแตกต่างกัน
ไป โดยภาคกลางเรียกด้วงโสน แมงลายขี้เมา ภาคใต้เรียกว่า ด้วงไฟเดือนห้า
ทางภาคเหนือเรียก แมลงฮึ่มไฮ้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เคยได้รับแมลงชนิดนี้ส่งมาเพื่อตรวจวิเคราะห์
จำแนกชนิด หลายครั้งจากหลายจังหวัดตามลำดับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2532 จนถึงปีปัจจุบันเนื่องจากปัญหาที่ประชาชนมี ความเข้าใจผิดคิดว่าเป็นแมลงประเภทกินได้นำไปบริโภคแล้วเกิดพิษทำให้เจ็บป่วยอย่างรุนแรง
จนบางรายถึงกับเสียชีวิต ในประเทศไทยมีรายงานว่าพบด้วงน้ำมันไดหลายชนิด (ประมาณ 13
ชนิด) ชนิดที่พบอยู่จะเป็นชนิด Mylabris phalerata (ภาพด้วงน้ำมัน เบอร์ 1 ) มีลักษณะสำคัญที่เห็นได้ชัดคือ
หัว อก ลำตัว และขาสีดำ มีปีกแข็ง มีลายขวางสีเหลืองส้มสลับดำโดยจะเป็นสีเหลืองส้ม
3 แถบ ดำ 3 แถบ ส่วนท้ายของปล้องที่ 9
เว้าลึกและแคบ ลำตัวกกว้าง 7-8 มม. ยาว 22-27
มม. ส่วนด้วงน้ำมันอีกสอง ชนิดที่อาจพบได้คือ Epicauta
hirticornis (ภาพด้วงน้ำมัน เบอร์2) ซึ่งมีลักษณะสำคัญคือ
หัวสี น้ำตาลอกลำตัวขาและ ปีกสีดำไม่มีลายบนปีกแข็งขนาดของลำตัวกว้าง 3-5 มม. ยาว 12-21 มม. เบอร์1 เบอร์2 เบอร์ 3 และชนิด Epicauta malkini
(ภาพด้วงน้ำมัน เบอร์ 3) โดยตัวเต็มวัยมีขนาดประมาณ
27 มม. มี ลักษณะที่สำคัญเห็นไดเด่น ชัดคือ ปีกคู่หน้ามีสีเหลืองและปลายปีกสีดำ
หัวสีแดงด้วงน้ำมันทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวรวมทั้งด้วงน้ำมันชนิดอื่นๆมีอันตรายมากสารพิษ
ห้ามนำมารับประทานโดยเด็ดขาด
อันตรายจากด้วงน้ำมัน
ด้วงชนิดนี้มีความสำคัญ
เนื่องจากเป็นแมลงที่ชาวบ้านมักจะเข้าใจผิดนำมาเผาไฟ รับประทาน ซึ่งทำให้เกิดอันตราย โดยไมทราบว่า ภายในร่างกายของแมลงพวกนี้มีสารทีเรียกว่า แคนทาริดิน
(Cantharidin) อยู่ในลำตัวซึงมีพิษต่อสิ่งมีชีวิต
ตามปกติเมื่อถูกรบกวนด้วงน้ำมันจะ ขับสารนี้ออกมาทันทีโดยจะเป็นสารที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอย่างรุนแรง
เมื่อโดนผิวหนังจะทำ ให้เป็นแผลพองปวดแสบปวดร้อน ถ้าเข้าตาจะทำให้ตาอักเสบ และที่สำคัญคือกินแล้วถึงตายได้โดย
อาการของผู้ป่วยที่พบคือ มีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงคลื่นไส้ อาเจียนมีเลือดปน ถ่ายอุจจาระและ
ปัสสาวะมีเลือดปนด้วยและตายในที่สุดเนื่องจากสารพิษดังกล่าวจะทำให้เกิดอันตรายอย่างรุนแรง
ต่อเยื่อเมือกในระบบทางเดินอาหาร จากการตรวจวิเคราะห์ของกองพิษวิทยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ในปี
2532 พบว่าด้วงน้ำมัน
ชนิด M.phalerata 1 ตัว มีสารแคนทาริดิน ประมาณ 6 มิลลิกรัม เนื่องจากร่างกายได้รับสาร แคนทาริดิน ในปริมาณ 10 มิลลิกรัมขึ้นไปจะทำ ให้เป็นอันตรายถึงชีวิต ดังนั้นถ้ารับประทาน เพียง 2-3
ตัวก็ทำให้เสียชีวิตได้
แหล่งที่พบ
ด้วงน้ำมันจะพบมากอยู่ตามต้นแค ต้นโสน พืชตระกูลถั่ว มะเขือเทศและ ปอ
ด้วงน้ำมันจะพบมากอยู่ตามต้นแค ต้นโสน พืชตระกูลถั่ว มะเขือเทศและ ปอ
โดยจะบินเป็นกลุ่มมากินใบและดอกของพืชเหล่านี้เมื่อชาวบ้านมาพบเห็นเข้ามักจะเข้าใจผิดจับมารับประทาน
โดยคิดว่าเป็นอาหาร หรือทำเป็นยาบำรุงกาลังได้
การป้องกัน
1. ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการรับประทานแมลงที่ยังไม่เคยรับประทานหรือไม่รู่จัก
2. ครั้งแรกที่รับประทานแมลงควรรับประทานแต่น้อยก่อน
เพราะแต่ละคนอาจแพ้ แมลงแต่ละชนิดได้ไม่เหมือนกัน
3. ไม่รับประทานแมลงที่จับมาจากแหล่งที่มีการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช
4. ไม่รับประทานแมลงที่มีลักษณะผิดปกติเช่นแมลงเน่าเสีย
5. ปรุงให้สุกทุกครั้งก่อนนำมารับประทาน
6. ถ้ามีอาการผิดปกติจากการรับประทานแมลงควรรีบไปพบแพทย์ทันทีพร้อมทั้งนำแมลง
ไปด้วย
1.2 ด้วงก้นกระดก
ภาพด้วงก้นกระดกหรือแมลงเฟรชชี่
ด้วงก้นกระดก เป็นด้วงอีกชนิดหนึ่งที่พบว่าทำให้เกิดอันตรายกับประชาชนอยู่เสมอ
โดย บางครั้งประชาชนจะเรียกแมลงชนิดนี้ว่าแมลงเฟรชชี่ เนื่องจากจะพบมากในช่วงเปิดเทอมซึ่งเป็น
ช่วงที่เข้าสู่ฤดูฝน ด้วงก้นกระดกเป็นแมลงที่มีขนาดเล็ก คือมีความยาวประมาณ 4-7 ม.ม จัดเป็น แมลงใน วงศ์ Staphylinidae ชนิดที่พบอยู่ในบ้านเราคือชนิด Paederus fuscipes เหตุที่ได้ชื่อว่า
ด้วงก้นกระดกเนื่องจากเป็นแมลงที่มีนิสัยชอบงอส่วนท้องขึ้นๆลงๆ ตลอดเวลา
ลักษณะที่เห็นได้เด่นชัดของแมลงชนิดนี้คือปีกคู่แรกแข็งสั้น ปีกคู่ที่สองใหญ่เจริญใช้การได้ดีพับอยู่ใต้ปีกคู่แรก
ส่วนท้องยาวโผล่ออกมานอกปีกสังเกตเห็นได้ง่ายและมีสีสัน ต่างๆกัน เช่น
สีส้ม สีแดง เป็นต้น
อันตรายจากด้วงก้นกระดก
ด้วงกนกระดกมีสารพิษประเภทชนิด
พีเดอริน (Paederin) ซึ่งถ้าถูกผิวหนังจะทำให้เป็น
แผลผุพอง บวมแดง ปวดแสบปวดร้อน และมีไข้ ถ้าเข้าตาก็จะทำให้ตาอักเสบ จนถึงตาบอดได้โดยปกติแมลงพวกนี้จะไม่กัดคน
แต่เมื่อเผอิญไต่ขึ้นมาตามร่างกายแล้วไปตบตีหรืออทำให้ลำตัว แตกหัก น้ำพิษดังกล่าวก็จะซึมเข้าร่างกายและมีผลทำให้เกิดอาการดังกล่าว
แหล่งที่พบ ด้วงก้นกระดกพบอาศัยอยู่ตามกองมูลสัตว์ตามดินใต้หินและกองไม้ต่างๆ
หรือตามต้นพืช ที่มีลักษณะเป็นเถาปกคลุมให้ความชุ่มชื้น ชอบบินเข้ามาเล่นไฟในบ้านเรือนในเวลากลางคืนจึงทำ
ให้คนมีโอกาสได้รับพิษจากแมลงชนิดนี้
การป้องกัน
เราสามารถป้องกันตัวจากด้วงก้นกระดกได้โดยพยายามหลีกเลี่ยงไม่ไปสัมผัสกับแมลง
ชนิดนี้และถ้าเผอิญแมลงไต่ขึ้นมาตามลำตัวอย่าไปตีหรือบีบเพราะจะทำให้ แมลงลำตัวแตกหัก
ทำให้น้ำพิษออกมาสัมผัสกับผิวหนังของเราได้ควรลดกำลังส่องสว่างของแสงไฟในห้องทำงานใน
เวลากลางคืนโดยการติดตั้งให้ต่ำลง หรือใช้โป๊ะบังคับให้แสงส่องในบริเวณที่ต้องการเนื่องจากด้วงก้นกระดกจะชอบบินมาเล่นไฟในเวลากลางคืน
รวมทั้งควรอยู่ในห้องมุ้งลวดในเวลาค่ำคืน และถ้า พบมีการระบาดของด้วงก้นกระดกให้ใช้สารเคมีกำจัดแมลงพ่นตามกอหญ้าแปลงพืช
หรือตามริม ฝั่งน้ำ ในบริเวณที่มีแมลงชนิดนี้อาศัยอยู่ถ้าผิวหนังถูกน้ำพิษของด้วงกนกระดก
ให้รีบล้างแผลให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำ แล้วใช้ยา ปฏิชีวนะประเภทครีมทาบริเวณที่ถูกพิษ
กรณีที่ตุ่มแผลแตกให้รับประทานยาปฏิชีวนะและปิดแผล ไว้ถ้าอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์
1.3 แมลงตด
ภาพแมลงตด
แมลงตดเป็นแมลงประเภทด้วงปีกแข็งที่มีพิษอีกชนิดหนึ่งที่สามารถทำให้เกิด
อันตรายกับประชาชนได้ชนิดที่พบเห็นได้ทั่วไปในประเทศไทย ได้แก่ชนิด Pherosophus
javanus และ P. occipitalis มีลักษณะทั่วไปคือ
มีลำตัวยาว 17-21 มม. กว้าง 6.5-8 มม.
หัวตาด้านบนของ ริมฝีปากบนและด้านบนของอกปล้องแรกมีสีเหลืองอมน้ำตาลค่อนข้างเป็นมัน
ด้านล่างของหัวสี เหลืองผนังริมฝีปากล่างสีดำอมแดงหรือดำ
อันตรายจากแมลงตด
แมลงตดจะปล่อยสารพิษ ประเภท
ควิโนน โดยพ่นออกมาเป็นหมอกทางก้น มีเสียงคล้าย ตดเมื่อถูกผิวหนังจะแสบร้อนและผิวไหม้คล้ายถูกกรด
หากโดนที่สำคัญเช่น ตาจะทำให้ตาบอดได้ โดยสารพิษ ควิโนนจะผลิตจากต่อมภายในท้องผสมกับสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์การปล่อยพิษ
จะเกิดจากการผสมกันของสารสองชนิดดังกล่าวและเกิดแรงดันฉีดสารพิษ ควิโนนออกมาเป็น ละอองละเอียด
ปกติแมลงตดจะปล่อยสารพิษเพื่อป้องกันตัวหรือเมื่อถูกรบกวน
แหล่งที่พบ
แมลงตดพบแพรกระจายอยู่
ทั่วไปในประเทศไทย ในบริเวณตามพื้นดิน ในช่องใต้
ดิน กอง หินหรือใต้เปลือกไม้ในกิ่งหรือต้นที่ตายที่ล้มอยู่เหนือดิน
หรือบางครั้งพบตามชายฝั่งน้ำอาศัยจับ แมลงและสัตว์เล็ก อื่นกินเป็นอาหาร 7
การป้องกัน หลีกเลี่ยงไม่ไปสัมผัสกับแมลงเหล่านี้แต่ถ้าผิวหนังถูก
น้ำพิษ ให้รีบล้างแผลให้สะอาดด้วย สบู่และน้ำแล้วใช้ยาปฏิชีวนะประเภทครีมทาบริเวณที่ถูกพิษ
กรณีที่ตุ่มแผลแตกให้รับประทานยา ปฏิชีวนะ และปิดแผลไว้ถ้าอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์
การป้องกัน
หลีกเลี่ยงไม่ไปสัมผัสกับแมลงเหล่านี้แต่ถ้าผิวหนังถูก
น้ำพิษ ให้รีบล้างแผลให้สะอาดด้วย สบู่และน้ำแล้วใช้ยาปฏิชีวนะประเภทครีมทาบริเวณที่ถูกพิษ
กรณีที่ตุ่มแผลแตกให้รับประทานยา ปฏิชีวนะ และปิดแผลไว้ถ้าอาการรุนแรงควรไปพบแพทย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น